ตอนที่ 1 กราบหลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร

หลวงปู่ทองใบ

พระอาจารย์ณรงค์ศักดิ์ ตอนที่ 1

สัมผัสแรกที่ได้เข้ากราบหลวงปู่ทองใบ ปภัสสโร แว็บแรกที่เจอท่านองค์ท่านเดินตรวจงานอยู่ที่ลานไทรคู่ คณะเรามีอ.หนูเป็นผู้นำเข้ากราบหลวงปู่ก็เมตตาให้กราบและถามวัตถุประสงค์ของการเข้ากราบคุยอยู่ประมาณ10-20นาที ในขณะนั้นจิตกระแสเมตตาขององค์ท่านแผ่เข้ามาในจิต เกิดความซาบซ่านขนลุกขนพอง

ในใจของเราก็บอกว่าพระรูปนี่เป็นอาจารย์ของเรา เป็นครูของเราที่เราจะมอบตัวเป็นศิษย์ได้สนิทใจ เพราะเราเห็นแสงสว่างเจิดจร้าแผ่ออกมาจากจิตของท่านสว่างไสวมากเจิดจ้าเหมือนพระจันทร์เต็มดวง สีเหลืองสว่างสุกใส เป็นประกายแวววาววับเป็นที่น่าอัศจรรย์ ไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อนเลย เราปราบปลื้มปีติใจหมอบกราบแทบเท้าท่าน หมอบอยู่อย่างนั้นในใจก็สอื้น

จุกหน้าอก พูดอะไรไม่ออก มีอาการปีติมาก เป็นนานสองนานจนท่านบอกให้ไปพากันปลักกลดหาที่พักก่อน

ในใจเรา จะเรียกว่านี่แหละ พระอริยะเจ้า พระอรหันต์ หรือจะเรียกว่าพระผู้บริสุทธิ์ ก็สมมุติ ออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ จะเรียกว่าพระมหาโพธิ์สัตว์ใหญ่ หรือจะเรียกว่าพระอรหันต์องค์เอกก็สุดแท้จะสมมติบัญญัติ เป็นภาษา แต่ใจเราต่างหากที่รับรู้ได้ กับสิ่งที่เกิดกับดวงจิตของเรา และอาการของกายที่เย็นซาบซ่าน เหมือนอยู่ในภูเขาหิมาลัยยังไงยังงั้น อันนี้ก็เป็นความอัศจรรย์ส่วนตัวนะ ปัจจัตตัง ยิ่งพอได้ฟังธรรมท่านแสดงธรรม โอย…ยิ่งเหมือนภาระที่หนักที่เราแบกมามันออก ตกร่วงลงไป เหมือนฆ้อนปอนใหญ่ๆทุบก้อนหินแตกเป็นจุล วิจุล อย่างนั้น กิเลสมันพังทะลายลง และแต่วันพระองค์หลวงจะแสดงธรรมเหมือนองค์ท่านมานั่งอยู่ในใจเรา ทุกขณะ แม้แต่ในความฝันท่านยังรู้เลยว่าเมื่อคืนเราฝันเรื่องอะไร มาฟังเรื่อง อ.ต่อดีกว่าตกลงก็ได้พักอยู่ที่วัดนาหลวง มีพระ3รูป เณร 2 องค์ แม่ชี5ท่าน พ่อออก 4คน ปีนั้นผเอิญ ไฟป่า รุนแรงมาก ราวเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ นี่แหละไฟป่าไหม้ลามรอบๆบริเวณเข้ามาทุกทิศทาง พระเณรต้องเปลี่ยนเวรยามดูแลไฟป่ากันทั้งวันทั้งคืนด้วยพระเณรไม่กี่รูป วัดมีเนื้อที่กว้างมาก ช่วยกันดับไฟป่า6วัน6คืน พอดี อ. พอมีประสบการณ์ดับไฟป่ามาบ้างตอนสมัย ยังไม่ออกบวช เลยสามารถ รู้วิธีในการดับไฟ สะกัดไฟไม่ให้ลุกลาม แต่ด้วยมันหลายคืนต่อกัน ไม่ได้หลับได้นอนเลย บ่ายของวันที่7ราวบ่าย3-4โมงเย็นก็เงยหน้าขึ้นฟ้าๆเหลืองหมดเลย มีดาวระยิบระยับ พอดีมีคุณยายชี เดินมาดูพระดับไฟป่า2-3ท่านเดินมาเราเห็น แม่ชีก็บอกว่า เอ็งอย่าพึ่งเป็นอะไร ต่อหน้าแม่ชี ต่อหน้าผู้หญิง นะอายเขา พอคุณแมีชีเดินผ่านไป100-200ม. อ.ก็ เป็นลมสลบล้มลงข้างทางนั่นแหละพระ เณร เลยหามขึ้นรถอีแต็ก รถไถ ที่มีพ่วงตามชนบทอีสาน ไปวางไว้บนแคร่หน้ากุฏิอ.ตี๋แม่ ชี กับพระเณรก็ต้มน้ำร้อนรมประคบ เณรก็บีบนวนเท้า นวดมือเรียก ชื่อจับเขย่า กลิ่นน้ำต้มสมุนไพร เดือดไอระเหยหอมสดชื่น แต่อีกมิติหนึ่งก็มี เทพเทวดา เทพธิดา ปู่ฤษี นำยาโอสถทิพย์ มาชะโรมให้ แต่ไม่รู้พระเณรแม่ชี จะเห็นหรือเปล่า หรือคนใกล้จะตาย ตาลายก็ไม่รู้ได้ ในขณะนั้นก็กำหนดลมหายใจอานาปานสติ เด่นชัดมาก ปกติคนเราจะหายใจราว70-90ครั้งต่อนาที แต่ในขณะนั้น อ. หายใจเข้า 1.30 1ชั่วโมง 30นาที หายใจเข้าครั้งหนึ่ง หายใจออก1.30 ก็1ชั่วโมง 30นาที สรุปหายใจเข้า หายใจออกรวม3ชั่วโมง พอหายใจได้แบบนั้นลมหายใจก็ชัดขึ้นถี่ขึ้น การปฐมพยาบาลก็ตามมีตามเกิด ผ่านราว 4-5ช.ม อ .ก็ฟื้นกับคืนมาลุกนั่งได้แล้วเดินกลับกุฏิ คืนนั้นสรงน้ำแล้วทำวัตรสวดมนต์นั่งสมาธิภาวนา นอนในท่าซากศพ ปลงสังขารถ้าคืนนี้เราจะตายหมดอายุขัยอยู่ก็ต้องทำใจ ใครจะเอาศพเราไปให้โยมพ่อ โยมแม่ที่บ้าน ก็เขียนที่อยู่ไว้ให้เขา สมัยก่อนยังไม่มีโทรศัพท์ ในขณะที่จิตไม่เอาอะไรนั่นแหละก็มีแสงสว่างกลมจุดเล็กๆ แล้วค่อยขยายกว้างขึ้นๆ จากศูนย์กลางกายเรา สว่างวาบ เวลาขณะนั้นราว5-6ทุ่ม เห็นนายนิรยบาล2คน นุ่งเหน็บกระเตี่ยวสีแดงไม่ใส่เสื้อ มือถือโซ่มา เลยถามเขาว่ามาอะไร นายนิรยบาล ตอบว่าจะมาเอาวิญญาณท่านไป อ ก็ตอบว่า “จะมาเอาได้ยังไงยังไม่ได้บรรลุธรรมเลย” ยังไม่ได้สอนธรรมเผยแผ่ธรรมเลยอย่าพึ่งมาเอา ให้บรรลุธรรม ได้เผยแผ่ธรรม นานตามอายุขัยแล้วค่อยมาเอา นายนิรยบาลก็ไม่ฟัง เดินตรงรี่เข้ามาจะมาเอาวิญญาณไป อ ก็เลยกำกำปั้น แล้วก็บอกว่ามาเข้ามา มาก็เห็นดีกัน กำกัมปั้นจะชกหน้า นายนิรยบาลๆก็เลยถอยออกไปหายวับกลับไป ตอนนี้ยังเสียดาย ไม่ได้ขออายุกับนายนิรยบาล สัก50000ปี ยังเสียดายอยู่เลยมาจนถึงทุกวันนี้ คืนนั้นเลยไม่ตาย อีก2วันก็มีรถโฟวิล ของเจ้าหน้าที่ป่าไม้ มาตรวจสถานการณ์ ไฟป่า เลยพาเราไปหาหมอในตัวอำเภอ บ้านผือ จังหวัดอุดร หมอก็บอกว่าไม่หาย หายใจช้าขนาดนั้นถ้าคนทั่วไปต้องตายแล้ว ต้องให้อ๊อกซิเจนด่วน ในขณะฉุกเฉิน หมอเลยให้น้ำเกลือ ให้เกลือแร่ วิตามิน ในขณะนั้นพญาบาลสาวเข้ามาใกล้ๆวัดความดัน วัดชีพจร เขาก็คิด พระองค์นี้หน้าตาดี หล่อจัง น่ารักพอใจ ถูกใจเราจัง เขาแค่คิดนั้น อ ก็หายใจไม่ออกลมหายใจขาดห้วง ใจจะขาด จิตจะละร่างถอดวิญญาณ เขาเห็นอาการเรา รู้ว่าเรารู้จิตเขาๆก็รีบก้มหน้าออกจากห้องไป อ ก็บอกหมอกับเจ้าหน้าที่ป่าไม้บอกว่า รีบพา อ กลับวัดจิต อ รั่วไปรับรู้จิตคนอื่นแล้วร่างกายมันจะแตก วิญญาณจะถอดออกจากร่างรีบพา อ.กลับ เขารีบ อ. ก็ระทวยอยู่หลายวันนอนซดน้ำข้าวต้มอยู่เป็นอาทิตย์ร่างกายก็ค่อยๆฟื้นกลับมาเป็นปกติ เลยมารู้ว่าจิตที่ละเอียดจิตใส มันสามารถ ไปรับรู้ ความคิด รู้ จิตของคนอื่นได้ หลังจากนั้นจิตภาวนาดีขึ้นมาก อยากรู้เห็น มิติก็กำหนด อยากรู้วาระจิต ก็กำหนดได้ แต่หลวงท่านจะเน้นให้มีสติไม่ให้ออกรู้นอกมันจะเสียเวลาในการประหักประหารกิเลส ท่านเน้นจุดนี้มากกว่า บางที่เข้ากราบท่าน ท่านจะขนาบจิตเรา อย่านั่งสมาธิดำดิ่ง นานๆ เดินเป็นสมาธิพรหม สมาธิฤษี ให้ถอยจิตออกมาพิจารณาธรรมด้วย

ช่วงนั้นน้องชายที่ชัยภูมิ จะเข้านาค อ เลยกลับไปที่ชัยภูมิ ไปพักฟื้นร่างกายออกธุดงค์ไปถ้ำวัวแดง ถ้ำพระ ถ้ำแก้ว อ ภักดีชุมพล ถ้ำแถบนี้มีอะไรมหัศจรรย์ มีถ้ำหนึ่งข้างถ้ำแก้วมีช่องเล็กๆมุดเข้าไปตามรอยเลื้อยของพญานาค เหมือนขนดของพญานาคเลื้อย สักพักกว้างเหมือนตู้รถไฟ ตัวพญานาค ช่องหินในที่ผนังถ้ำ มีเกล็ดพญานาคหมุนเป็นเกลียวตลอด ผนังถ้ำกว้างขึ้นๆจนเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ จุคนได้เรือนร้อนเรือนพัน แต่อากาศชื้นมากเหมือนลงนครบาดาล เข้าไปภาวนาอยู่สักอาทิตย์ ไม่ค่อยถูกจริต เลยออกมาภาวนาอยู่ถ้ำแก้วๆนี่นะเป็นแก้วโป่งข่ามแก้วคริสตัล ทั้งโถงถ้ำเลย แล้วไปภาวนาอยู่ถ้ำวัวแดงอีกอาทิตย์ เดินจงกรมภาวนาบินฑบาตรไกลจากหมู่บ้านราว7-8ก.ม ไปกลับ14-15ก.ม ถือว่าเดินจงกรมไปในตัวกำหนดการก้าวเดินทุกย่างก้าว ที่ถ้ำวัวแดงนี่เองเป็นตำนานของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร —————โปรดติดตามตอนต่อไป