พระธาตุภูเพ็ก

ตอนที่ 6 วัดพระธาตุภูเพ็ก

ใกล้จบโครงการออกธุดงค์เผยแผ่ธรรม ช่วงนั้นน่าจะอยู่แถวโซ่พิสัย บึงกาฬ กลับมาแจกแสดงธรรม อ. เรียกเข้าดูอาการหลวงปู่ทองใบ ท่านมีอาการชาตามมือเท้า ไม่มีความรู้สึก ก็พากันนวดต้มนำ้ร้อนประคบ เช้าก็เลยตรงลงกันจะนำท่านโรงพยาบาล ศรีนครินทร์ ขอนแก่น หมอตรวจพบว่ากระดูกที่ต้นคอท่านทับเส้นประสาท หมอลงคาวมเห็นว่าต้องฝ่าอย่างเดียว สามาจากหลวงปู่ ท่านไม่ได้นอน เลยทำให้ กระดูกทีาต้นคอมากดทับเส้นประสาท หมอก็ผ่าตัดด่วน ท่านองค์หลวงปู่เล่าให้ฟังท่านบอกไม่ต้องฉีดยาชา ท่านเข้ามาสมาธิ กำหนดหมอก็ผ่าไปก็เรียกเอาอุปกรณ์จากพยาบาล แต่ที่แปลก ไม่มีเลือดออกสักหยด และองค์หลวงก็ไม่เจ็บปวดอะไรเลยเห็นท่านท้าว สักกะ และทัาวจตุกโลกบาลทั้ง4มานั่งเฝ้าแวดล้อมอยู่อารักษ์ขา ไม่ให้หมู่มารเข้ามาทำอันตรายท่านได้ ในขณะที่หมอกำลังผ่าตัดอยู่ หลังการผ่าตัดองศาหลวงปู่ต้องพักฟื้นอยู่ที่ร.พ ราว3-4เดือน หมอถึงอนุญาติให้องค์ท่านกับวัดได้ ช่วงหลวงปู่ ร .พ ใหม่ๆ คณะพระที่ออกเผยแผ่แทบไม่มีจิตใจ ที่จะแสดงธรรม มันบอกไม่ถูก ไม่มีพละกำลังที่จะทำอะไร เพราะองศาปู่ คืนศูนย์รวมจิตใจ ของพระทุกรูป มาอาพาธ เลยทำให้จิตใจห่อเหี่ยว เป็นห่วงท่าน จะไปกราบก็ ต้องรอคิวเพราะพระเยอะ กว่าเราจะถึงคิว สุดท้ายก็ได้เข้ากราบเยี่ยมอาการหลวงปู่องค์ท่านก็ผ่องใส ยิ้มคุยกับพระลูกศิษย์ เป็นปกติ เหมือนไม่มีอาการอาพาธอะไรเลย จิตท่านเหนือกาย เหนือเวทนาแล้ว กราบอยู่ราว ช .ม ก็กราบลาท่าน ออกไปแสวงวิเวกธุดงค์โดยเอาอาการอาพาธ ขององค์หลวงปู่มาเป็นตัวคอยกระตุ้นเตือนว่า องค์หลวงปู่ผ่านเวทนาเหนือเวทนาแล้วแต่เรายัง ทำไม่ได้ถ้าเป็นเราต้องอาพาธบ้างใจเรายังไม่มีเครื่องยึดเหนี่ยว เมื่อความเจ็บ ความตายมาถึงเราจะมีอะไรรับประกันได้ว่าเราจะยกจิตเหนือกาย เหนือเวทนาได้บ้าง หลวงปรกลับ ร.พ เราก็กลับจากธุดงค์ มาดูแลอุปถากท่านตามปกติจนอาการหลวงปู่ดีขึ้นเป็นลำดับจนหายเป็นปกติ หลวงปู่ก็เดินได้ไม่ต้องพยุง ด้วยการอาพาธของท่านนี่เอง หลวงปูเลยต้องนอนเอนหลังเพื่อให้แผล กับกระดูกมันติดสนิท คณะพระและลูกศิษย์ ก็มีขวัญกำลังใจขึ้นมาในพรรษานั้นเราก็ตั้งสัจจะอธิษฐานกับองค์หลวงปู่และคณะสงฆ์ เข้าพระกรรมฐาน ถือเนสัชิกังคะคืออยู่ในอิริยาบท3 ยืน เดิน นั่งไม่นอน ปิดวาจา ไม่ฉันอาหาร 7วันฉันคนั่งนึง ฉันเจ งดเนื้อสัตว์ทุกชนิด เวลา1-ปี8เดือน เข้าอยู่ในห้องกรรมฐาน ภาวนาเอาชีวิตเข้าแลก นั่งสมาธิ 2-3วันบ้างเดินจงกรมต่อเนื่อง2-3วันบ้างสลับกันอยู่อย่างนั้น จิตก็เร็วและสภาวะธรรมต่างๆชัดเจนขึ้น แต่ถ้ามีอะไรติดขันในการภาวนา องค์หลวงปู่ท่านก็จะมาสอนในสมาธิแก้กันเป็น แต่ละขณะที่จิตเราหลงสภาวะ หรือเพลิดเพลินติดความสงบ หรือออกท่องเที่ยว ไปรู้ไปเห็น ส่งจิตออกนอก องค์หลวงปู่จะมายืนคอยกำกับจิตตลอดช่วงนั้นการภาวนาก็รุดหน้าก้าวหน้า แต่ช่วงบุญกฐิน ต้องมาช่วยการก่อสร้างทางนำ้วัด สร้างศาลาห่อฉันภัตตราหาร หอฉันนำ้ปานะ ปรากฏว่าหลวงปู่ให้ยกก้อนใหญ่มากพระ3-4รูปช่วยกัน สุดท้าย อ.กระดูกหลังเคลื่อน ต้องเข้าร.พ รักษาตัวอยู่ 1เดือน พออาการดีขึ้นก็เข้ากราบองค์กลวงปู่ลงไปพักรักษาตัว ที่ข้างล่างจะสะดวกกว่า เพราะวัดนาหลวงสมัยก่อนทางธุระกันดารมาก ทางดิน เป็นหลุมเป็น บ่อและชันอันตราย ไปกราบขอองค์ปู่ท่านก็ไม่อนุญาตง่ายๆ จนไปกราบลาถึง3ครั้งองค์ท่านจึงอนุญาตใลงจากวัดนาหลวง ออกมาแล้วก็ไปหาที่กายภาพ หลังก่อนสักหนึ่งเดือนนี่อหละหลังก็ดีขึ้นเลยไปธุดงค์ที่ประจวบคีรีขันธ์ วัดถ้ำไก่หล่น เป็นภูเขาสูงเป็นทางลงถ้ำพอลงไปข่างในโถงถ้ำจะมีปล่องตรงกลาง กว้าราว10-20มีเมตร มีแสงว่างส่องลงมาได้ เวลาไก่มาหาอาหารกินบริเวณนั้นเพลินเดินมาเลยตกลงมาข้างล่างพื้นถ้ำเลยเรียกว่าถ้ำไก่หล่น ก็ภาวนาดี อยู่พักภาวนาเป็นเดือน ก็เดินต่อไปพักภาวนาที่ถ้ำดาวอีก2อาทิตย์ น่างกายที่หลังก็ดีขึ้นเป็นลำดับ จึงกลับขึ้นมาสกลนครไปกราบถวายตัวกับหลวงพ่อสมภพ โชติปัญโญ พักถือนิสัยอบรมอยู่กับท่าน2เดือนนับเป็นประสบการณ์ของการภาวนา ที่นี่ข้อวัตรตืนตี1.30น.2.นเข้าศาลานั่งมาธิเดินจงกรมถึงตี4ทำวัตร ตี5หลวงพ่อท่านจะลงมาแสดงธรรมอบรมจิตภาวนาฟังแล้วปราบปลื้มดื่มด่ำกับสภาวะธรรม ช่วงนั้นองค์พระอาจารย์สมภพ ท่านยังไม่อาพาธ ก็แสดงธรรมองค์ท่านลึกซึ้ง ถึงจิตถึงใจ โดยเฉพาะองค์ท่สนแตกฉานในพระไตรปิฏกมากๆ องค์ท่านสแดงธรรมว่าองค์ท่านได้สภาวะธรรมที่วัดพระธาตุภูเพ็ก อ .หังแล้วไม่รู้เป็นยังไง จิตใจก็หวนถึงมี่พระพุทธเจ้าเจ้าบอกไว้ว่าให้ไปภาวนาที่ภูเขาลูกหนึ่งจุดคูหาชื่อว่าดอยแท่น หลังชื่อภูเพ็ก

เราก็กราบพระอาจารย์สมภพ เดินธุดงค์ รอนแรมมาเรื่อยจนมาถึงวัดพระธาตุภูเพ็ก วันที่4เมษายน2544 เวลาราม10น. เราก็เดินไปกราบไหว้พระในองค์ปราสาทและไปกราบพระในพระวิหาร อธิษฐานว่าถ้าข้าพเจ้ามีบุญวาสนาก็ขอให้การภาวนาของข้าพเจ้าสำเร็จธรรมมรรคผลตามสมควรแก่การปรารภความเพียรเถิด แล้วทำความสะอาดปัดกวาดเพราะสมัยนั้นภูเพ็กเหมือนวัดร้าง เงียบรกรุงรังไปหมด ทำความอยู่เป็นอาทิตย์การบิณฑบาตก็เดินลงไปในหมู่บ้าน เนื่องด้วยไม่มีคนรู้จัก เขาก็ไม่ได้มาส่งมาอุปถากอะไรเดินขึ้นลงออกจากวัด ราว5.30.นถึงใกล้ชายบ้านเข้าในร.รราชปรชา วนรอบออกมากลับมาถึงวัดราว8.50น. พักสักพักก็ฉันข้าว อาหารตามมีตามได้พอให้ร่างกายอยู่ได้ แล้วก็เดินขึ้นข้างบน

ตอนมาแรกๆมีพระกับแมีชี3ท่าน อยู่ภาวนามาเรื่อยถึงวันวิสาขะบูชา ช่วงกลางคืนราว22-23น.นั่งสมาธิในองค์ปรางปราสาท ปรากฏว่ามีแสงสว่างเจิดจร้า ไปทั่วภูเขาภูเพ็ก ก็ลืมตาขึ้นมาเห็นท้าวพระพรหมมารักษ์ ลงมากราบพร้อมบริวารแวดล้อม และอีกด้านหนคางเป็นองค์หลวงปู่มั่น หลวงปู่ฝุ่นหลวงปู่ขาว หลวงปู่แหวนนหลวงปูหลุยส์ หลวงปู่พรหม หลวงปู่ชอบ ท่านมาหลวงปู่มั่นกับพกรมมารักษ์ บอกว่ามานิมนต์พระคุณเจ้าให้พักจำพรรษาที่นี่ ที่นี่เป็นที่ที่อันอันประเสริฐ พระคุณเจ้าจะไดความสว่างสไวทางธรรมให้ท่านอยู่พักภาวนาที่นี่ก็เลยถามท่านไปว่าอยู่แล้วธรรมจะเจริญไหม ท่านเลยตอบมาว่าให้มีหน้าที่ทำความเพียรไป เดี๋ยวธรรมก็เกิดเองแต่ได้สถานที่ดี แต่ไม่ปรารพความเพียร ก็ไม่เกิดอะไรเพราะไม่เพียร ภาวนา เมื่อหลวงปู่มั่นท่านว่าให้อยู่แก้อารมณ์กรรมฐานให้พระภิกษุ อุบาสกอุบาสิกา เขาติดขัดพระกรรมฐานจะได้มีครูอจารย์ไว้คอยชี้แนะได้แก้อารมณ์สภาวะได้ และถามเรื่องการปฏิบัติภาวนากับองค์หลวงปู่มั่น อย่างกระจ่างเข้าใจแล้วกราบท่าน ท่านเหล่านั้นเดินหายไปพระพรหมมารักษ์ก็บอกว่าเราจะคอยดูแลท่านเองไม่ให้ใครมารบกวนในการภาวนาของท่าน แล้วเขาก็กราบลากับวิมานไป เราก็ทั่งปลื้ม ทั้งงง กับสิ่งที่เกิดขึ้นมันจริงไหมหรือเกิดอะไรขึ้นกับเรา องค์ปู่มัานท่านก็ละขันธ์ไปนานแล้วทำไมถึงมานั่งมาสอนเราได้เหมือนมีเนื้อมีหนัง องค์จริงเลยนี่แหละ แต่ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี และได้กำลังในการภวานา การภวนาก็อยู่ในอิริบถ3คื ยืน เดิน นั่ง งดการนอน ปิดวาจา ปรารภความเพียรทั้งกลางวันกลางคืน เอาชีวิตเข้าแรกในพรรษาจึงอธิษฐานจำพรรษาที่วัดพระธาตุ ภูเพ็ก และอธิษฐานเข้าพระกรรมฐานด้วย เข้มงวดมาก

ปี2546จำพรรษาอยู่วัดพระธาตุภูเพ็ก เร่งคาวมเพียรมาก เพราะข้างบนของวัดพระธาตุภูเพ็กนี้ สงบสงัดมาก เกื้อกูลส่งเสริมต่อการเจริญพระกรรมฐานภาวนามาก ไม่ผู้คนมาเที่ยวมากนัก เราก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ทุ่มเทกับการปรารภความเพียร ตื่น1.30.น ทำกิจสรีระ แล้วครองผ้า ลงทางจงกรมเดินก้าวช้าๆ เจริญสติ ทุกย่างก้าว กำกับกับอิริยาบถเดิน อิริยาบถยืน ได้เวลาอันควร เข้าสวดมนต์ ทำวัตร สมาทานพระกรรมฐานนั่งสมาธิจนถึงเช้ามืดลงไปรับบิณฑบาตในหมู่บ้านภูเพ็ก เดินขาลงไปตั้งแต่5.30น ขากลับมาถึงศาลาข้างล่างของวัดภูเพ็ก8.30.น ระยะทาง4-5.ก.ม ไป กลับ เกืออ10.ก.ม ทุกวันพักๆสักพักก็ฉันภัตตาหาร พักนิดหน่อยเดินขึ้นบันได496ขั้น ถึงข้างบนเที่ยงวันพอดี สรงน้ำ เข้างจงกรม จนบ่าย3โมงก็ทำความสะอาดกวาดใบไม้ เก็บกวาดศาลาเก็บขยะ เสร็จก็ไปสรงน้ำ ฉันนำ้ปานะ เข้าทางจงกรมไปจนพอสมควรแก่เวลาก็ทำวัตรสวดมนต์สมาทานพระกรรมฐานนั่งสมาธิยาวไปจนถึง23.น แผ่เมตตา แล้วพักผ่อน ในช่วงนั้นบางวันดึกสงัดออกไปนั่งภาวนาอยู่ที่บนองค์ปราสาท มีครูอาจารย์สายยานลงมาสอนพระกรรมฐานให้ บอกอุบายในการแก้จิตแก้กิเลสต่างๆให้เข้าใจทั่วถึงในขณะนั้น จิตก็จะเบาโล่ง วางอารมณ์ความคิดต่างๆลงไปอยู่กับจิตดวงผ่องใสนั้น ยิ่งมีกำลังใจในการปฏิบัติธรรมภาวนา บางคืนก็มีพระอรหันต์นั่งอยู่บ้าง เดินจงกรงบ้าง นั่งสนทนาธรรมกันบ้างเราก็เข้าไปกราบถามท่านบอกว่าท่านคือพระมหากัสปปะพร้อมด้วยพระอรหันต์500รูปที่อัญเชิญพระอุรังคธาตุมาพักที่นี่ก่อนที่จะอัญเชิญไปยังภูกำพร้า พระธาตุพนม เราก็ขอโอกาสถามข้อปฏิบัติองค์ท่านก็สอนแนะนำการปฏิบัติทางจิต ปลื้มปีติมากไม่หลับไม่นอนเร่งเพียรภาวนาเต็มกำลัง ในพรรษานั้นมีกำลังใจ มีฐานจิตฐานธรรมมั่นคงขึ้นมาก รู้สึกว่าเรามีความโตเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ทางธรรมมากขึ้น

ตอนขึ้นมาอยู่2-3วันแรกก็มีสิ่งมาทดลองเหมือนกัน มีเสือใหญ่ลายพาดก่อนตัวเท่าม้าร้องคำรามเสียงดังก้องภูเขา เรานั่งแสดงธรรมเสือก็วิ่งกระโจนเข้าจะตะปบ เราก็เลยหลบพอดีมีเงื้อผา เสือก็เลยวิ่งผ่านไปในซอกผานั้น เราก็เดินตามไปแต่สิ่งที่เรากับเห็นเป็นพระชรารูปหนึ่งผอมแกร็ง ผิวหนังเหี่ยวย่นกร้าวดำ ยืนอยู่ในซอกผานั้นเราก็จ้องตาไม่กระพริบอยู่นานในใจก็ถ้ากลายเป็นเสือก็เข้าไปต่อสู้กับเสือนั้นจ้องอยู่นาน เขาก็กลายร่างเป็นเราเลงก้มลงกราบพระชรารูปนั้น แล้วเราก็กลับกุฏิ อีกสักอาทิตย์เสือตัวนั้นก็มาอีกครานี้มาที่บนกุฏิ เรานั่งอยู่ในห้อง เสียงเดินย่างก้าวกุฏิไหวยวบๆใกล้ๆเข้ามา เราเลยเดินไปดูที่ประตูเสือก็กลายร่างเป็นชายร่างกำยำาตัวสูงราว3เมตร พร้อมกับยื่นมือเข้ามาที่ประตูแล้วพูดช้าๆเสียงกังแหบเครือ มาอยู่ที่นี่ทำไม ในขณะนั้นก็ยื่นมือเข้ามาหมายจะบีบคอหักคอให้ตาย อีกก็ไม่รู้มีดดาบมาจากไหนใส่ชุดดำนักรบฟันเข้าไปดาบคู่ แขนขาดกระไปมั้ง2ข้างกะจะซ้ำอีกเสือตัวนั้นก็กระโจนลงกุฏิไปหายไปท่ามกลางความมืดมืดของ รัตติกาล เหตุหลังจากนั้นก็สงบไม่มีอะไรมารบกวนการภาวนาอักเลย จนออกพรรษาเราก็วางทริปไปธุดงค์วิเวกที่เขาใหญ่ เขาโซ่ อีก.ปากช่อง วังนำ้เขียว จ.นครราชสีมา