
ถ้ำน้ำหนาว ถำ้พระอริยะ บ่ายวันหนึ่งมีพระภิกษุ ในวัย40-50ปี เดินธุดงค์ไปยังถ้ำหน้าหนาว ป่าลั่นเสียงระเบิดสนั่น เจ้าหน้าที่ป่าไม้ที่ทำหน้าที่ประจำการก็รู้ได้ทันที จะมีพระมาบรรลุธรรม ในถำ้แห่งนี้อีกเป็นแน่ พอตกตอนบ่ายมีพระสะพายกลดสะพายบาตร เข้าป่าข้าวเขาข้าวห้วยเข้ายังถ้ำน้ำหนาว ผาป่าไร่ อยู่ข้างในเข้าไป7ก.ม เดินข้ามเขาข้ามห้วยบุกป่าช้างป่าเสือ ถ้าผฤดูฝนทากยั้วเยี้ย เต็มไปหมด กว่าจะไปถึงก็มีเลือดออกซิบๆ ช้างป่าก็เยอะแถมยังดุร้ายอีกด้วย ในที่สุดพระภิกษุรูปนั้นก็เข้าไปถึงกับโยมพราณ แต่เป็นที่น่าอัศจรรย์ปากถ้ำที่มีก้อนหินปิดอยู่กับเปิดออก เมื่อวานที่ได้ยินเสียงป่าลั่น ปรากฏว่าก้อนหินอยู่หน้าแากถ้ำระเบิดออกเผยให้เห็นช่องทางลงไปยังถำ้โถงที่อยู่ข้างล่าง โยมที่ไปด้วยก็ตัดไม้ไผ่มาทำบันได ไต่ลงไปลงไปเป็นชั้นๆ3-4ชั้นจนถึงพื้นถ้ำเบื้องล่าง เป็นถ้ำที่มืดมิดต้องใช้ไฟฉายส่งถึงค่อยไปชมบริเวณโถงถ้ำนั้นได้



โถงถำ้มีหินงอกหินย้อยสวยงามระยิบระยับวับวาว งามตา และมีคล้ายดอกบัวบานอยู่บนก้อนหินกลางโถงถ้ำนั้น พระภิกษุรูปนั้นให้โยมที่มาส่งกลับออกไปองค์ท่านก็หาที่แหมาะปักกลด ทำทางไว้จงกรม ให้โยมทำห้องนำ้ไว้ข้างนอก ท่านก็อธิษฐานว่าข้าพเจ้ามาเดินธุดงค์แสวงหาความสงบให้ใด้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว มีฤทธิ์เหมือนพระโมคคัลลา มีปัญญาเหมือนพระสารีบุตร มีจิตบริสุทธิ์เหมือนพระศาสดา แล้วส่งตนไปในความเพียรไปเรื่อย อาหารก็โยมที่อยู่นอกถ้ำ นำอาหารเจ ตามมีตามได้ในป่านั่นแหละ มาถวาย องค์ท่านภาวนาอยู่เป็เดือน2เดือนคืนวันหนึ่งท่านขึ้นไปนั่งยังแท่นดอกบัวเข้าสมาธิไปกำหนอดอานาปานสติภาวนา จิตท่านรวมใหญ่ ส่ว่งสไวมองไปทางไหนถ้ำก็ว่างเหมือนโลกแก้วประกายพฤกษ ด้วยตาเปล่า ธรรมกับจิตในปจิจสมุป ก็ทำงานอยู่แจ่มแจ้ง ท่านว่าท่านขึ้นไปเห็นพระพุทธเจ้า และพระอนิสงฆ์สาวก นั่งแวดล้อมพระพุทธเจ้าอยู่ราว2-3แสนรูปเมื่อท่านกราบพระพุทธเจ้า และพระธรรม พระอริยะสงฆ์ เรียบร้อย ก็นั่งสมาธิฟังธรรมจากองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดื่มดำ่มากพระแสดงธรรมจักร กับอนัตตลักษณะสูตร จบองค์ท่านก็สำเร็จ อรหันต์ เสร็จกิจในพระพุทธศาสนา ท่านก็นั่งชมสภาวะธรรม อยู่9วัน9คืนไม่ได้ลุกไปไหนเลย เสพอัปเสนธรรม คือความสงบจากกิเลส สิ้นอาสวะแล้ว ถ้ำนี้นี่แหละที่หลวงปู่คำคนึง หลวงปู่ขาว หลวงปู่ ชอบหลวงปู่ผาง มานั่งภาวนา และท่านบอกว่าถ้าอยากเห็นพญานาคตัวเป็นๆให้ไปที่ถำ้นี้ อ.ก็มีโอกาศตามรอยธรรม กรรมฐาน ของพ่อ แม่ครูอาจารย์ เข้าไปภาวนาอยู่รูปเดียวที่ถำ้นำ้หนาวนี้ 2เดือนเต็ม มีประสบการณ์ ทางธรรม และได้เห็นพญานาคตัวเป็นๆก็ที่ถ้ำนำ้หนาวนี่แหละ พูดถึงการปฏิบัติธรรมภายในถำ้แห่งนี้ ถำ้นี่จะมี3ชั้นชั้นบนเรียกชื่อว่าถำ้แสงจันทร์ ถำ้ที่2เรียกว่าถำ้พระแท่นดอกบัว ๆนี้กว้างมาจุคนได้น่าจะ2-3แสนคน ทั้งกว้าง ที่ยาว ถ้ำชั้นที่3เรียกว่าถ้ำบาดาล ๆนี้ลึกลงไปให้พิภพ7ชั่วพลไม้ไผ่ต้องค่อยๆปืนบันไดไม้ไผ่ ลงไปอย่างทุลักทุเลมาก ชันมามากถ้าตกลงไปก็มีหินงอกหินย้อยหินที่แหลมคนทิ่มแทงถึงเสียชีวิตได้ อ .ก็ลงไปถึงชั้นล่าง บาลดาลมันจะมีนำ้ใสไหลรินตลอดเวลา มืดสนิท เงียบสงัด เสียงนำ้หยดเหมือนเสียงแผ่นดินถล่ม ก้องกังวานทั่วท้องถ้ำ ตรงนี้แหละที่เรียกถ้ำพญานาค อ เดินไปหาที่มี่แหมาะนั่งกรรมฐาน แต่อากาศหนาวมากทั้งที่ไปเดิอนเมษายนแต่อากาศกนาวราว9-14องค์ษา แต่เราอยู่ด้วยกสิณไฟ ทำให้ร่างกายอบอุ่น ได้เห็นพญานาคก็ตรงนี้แหละเดินไปเริ่อๆเหมือนถำ้มันจะเชื่อมกับถ้ำใหญ่นำ้หนาว แล้วไปทะลุที่อ.นำ้หนาวราวราว40-50ก.ม เล่าเรื่องเจอพญานาค ช่วงนั้นน่าเวลาตี2 เดินจงกลมอยู่ๆก็มีเทพบุตร2ตนเข้ามากราบ เราก็งง ในถ้ำไม่มีผู้คนแล้วทำไมถึงมีคนในที่นี้ได้ เลยถามว่าท่านเป็นใคร เขาตอบว่าเป็นพญานาด เลยถามเขาว่ามาอะไรเขาบอกว่าเจ้าเมืองบาดาสให้มากราบนิมนต์พระคุณเจ้าลงไปในวังบาดาล เพื่อเขาอยากฟังธรรม อ.เลยรับนิมนต์นาค2ตนนั้นก็พาเดินไปมันเป็นลงแก้วใสไม่มีน้ำตรงทางเดิน 2ข้างทางจะเป็เทพบุตรนาค นาคีนาค แต่ไดลๆจะเป็นพญานาค นาคา นาคี ว่ายนำ้เล่นใช้ชีวิตของเขา ไปสักพักก็ถึงวังกว้างใหญ่มาก มีแก้วเพชรนิลจินดาระยิบระยับไปหมด เขาก็พาเดินไปยังโถงปราพระราชวังพญานาคกับมเหสีกับบุตร พระธิดานางนาคีก็เดินลงมาต้อนรับกราบนิมนต์เราเดินชมบ้านเมืองพระราชวังเพลิดเพลิน จนไปถึงธรรมสะภาเขากราบอาราธนาธรรม ให้เราแสดงธรรมให้ฟังมีเหล่านาคนั่งฟังเป็นเรือนล้าน แสดงอยู่นานราวเกือบ2ช.ม จบเขาก็สาธุการ แล้วตามตอบปัญหาหาธรรม อีกสักพักก็ถวายจตุปัจจัยไทยธรรม วันนั้นที่เขาถวายมี พระขรรค์ ลูกแก้ว จัรก อ.รับแล้วก็ให้พร แล้วพญานาคก็พามเหสีและองค์ชายและองค์หญิงมากราบสนทนาเขาก็ถามเราว่าจะถวายองค์หญิง7พระนางจะรับไหม เขารองใจ อ. ๆก็บอกว่าจะเอาไปทำอะไร แต่ละนางมีสิริโฉมงดงามมากเพราะเป็เทพธิดา พอเราปฏิเสธเขาก็พาไปชมคลังสมบัติ ว่าใช้สักพันชาติก็ไม่หมดเลยคุยกัยกับพญานาคที่เป็นพระราชา เมือก่อนที่เราบำเพ็ญได้เป็นกันกับพญานาคตนนั้นเป็นเพื่อนรักกันชนิดตายแทนกันได้ไปไหนมาไหนด้วนบำเพ็ญบารมี มาร่วมกันเป็นหลายกัป คุยกันอยู่นานแล้วเขาก็กราบขอขมากราบลา ให้ทหารนาค พาเราขึ้นมาส่ง และบอกว่าจะมาเยี่ยมเราเมีท่อไหล่ก็มาได้ ช่วงนั้นการภาวนาเรายังไมแกร่งมาก กลัวจะไปหลงปฏิพัทธ์ลูกสาวพญานาคไม่ได้กลับมาเมืองมนุษย์อีกนั่นแหละเลยไม่กลับลงไปอีก ปีนั้นน่าจะพ.ศ2542 เอาเล่าแค่นี้ก่อนวันนี้มีงานนั่งช้าง เดี๋ยวหลังฉันบ่ายก็เข้าไปงาน พักก่อน

