
หลังจากออกพรรษาแล้วก็ให้โยม พ่อตุ้ม แม่จิ๊บ ไปส่งที่วัดใกล้เขาใหญ่ พัก2วันโยมพ่อที่ไปส่งเดินทางกลับเราก็ขึ้นใหญ่ไปปักกลดคืนแรกช้างก็เดินเฉียดกลดไปแต่ไม่ทำร้ายเดินผ่านไปเฉยๆ เช้าหลังฉันก็ออกเดินขึ้นเขาแหลมใช้เวลาจนถึง17.น.ผ่านป่ารกชัฏ ทุ่งระบัดข้ามลำห้วย ได้ที่ปลักกลดใต้ต้นไม้ต้นใหญ่ใบดกหนาแผ่ร่มเงากินบริเวณกว้างเหมาะแก่การภาวนาปักกลดเสร็จลงไปสรงน้ำในลำห้วย เสร็จสักพักก็เข้าที่ภาวนาทำวัตรสวดมนต์สัก20-21น.มีเจ้าหน้าทีป่าไม้มานั่งสมาธิด้วย2ท่าน สนทนาธรรมได้เวลาพอควรก็พากันกลับที่พัก

มีเสียงช้างป่าทั้งโขลงร้องแปร๋นๆคำรามวิ่งไล่ขับ หน้าที่ป่าไม้ เรานั่งภาวนาอยู่ บริกรรมในใจให้เจ้าเขาปลอดภัย และบอกอย่างวิ่งมาทางพระคุณเจ้าเจ้าปักกลดเลยดึกๆเสียงช้างก็เงียบไป เราก็พักผ่อน ตื่นมาตีหนึ่ง เข้าที่ภาวนาจนเช้า สายๆเจ้าที่ป่าไม้มาถวายภัตตาหาร นั่งสนทนาเรื่องช้างเมื่อเมื่อเขาบอกว่าเกือบไม่รอดเดินออกไปๆเจอช้างทั้งโขลงราย10กว่าเชือกหากินขวางทางอยู่เขาก็วิ่งหนีพ้นไม่งั้นถูกเหยียบแบนแน่ หลังฉันก็ทำทางจงกรม เดินจงกรม4_5ช.ม แล้วเข้ากลดภาวนาบ่ายลงไปสรงน้ำในลำห้วย คำ่เข้าที่ภาวนาทำวัตร นั่งสมาธิ ราว21-22น มีผู้หญิง2คนเดินเข้ามากราบ เลยถามว่าโยมเป็นใคร มาจากไหนมาทำอะไร เขาบอกว่าเจ้านางแม่เมืองให้มดราบนิมนต์พระคุณเจ้า ไปแสดงธรรมโปรดชาวเมือง เราเลยถามว่าในเมืองเป็นยังเขาบอกว่ามีแต่สตรี ไม่มีผู้ชายเลย เราเลยบอกเขาไปว่า พระเข้าไปไม่ได้หรอก ไปบอกเจ้านางแม่เมืองว่าถ้าจะฟังธรรมพรุ่งนี้ออกมาถวายภัตตาหาร และมาฟังธรรมด้วยช่วงสายนะโยม เขาก็กราบกลับไป

พอสายๆก็มีเจ้านางแม่เมืองพร้อมบริวารมีแต่สตรีสวยงมงามอย่างกะนางเทพธิ แม่เมืองชุดสีเหลืองใส่สะใบขลิบทองเครื่องประดับมีค่าเพชรนิลจิดา ส่วนบริวารชุดสีฟ้า ต่างงดงามดุจนางฟ้านางสรรค์ทุกนาง นำภัตตาหารมาถวายขอฟังธรรม แล่วกราบลากลับมิติบ้านเมืองของเขา เช้าวันต่อมาก็ออกมาถวายอาหาร สนธรรมฟังธรรมอีกวัน พอดีเจ้าที่ป่าไม้มาเลยเล่าให้เขาฟัง เขาเลยเล่าให้ฟังว่า วันหนึ่งเวลาบ่าย3/4โมงเย็นเพื่อนที่เป็นเจ้าหน้าป่าไม้ยืนคุยก็กับใครไม่รู้เป็นหญิงสาวสวย3คน แล้วบอกว่าอีก2วันจะมารับไปเที่ยวชมบ้านเมืองของเขา พอถึงเวลานัดเจ้าหน้านายนั้นก็เตรียมเป้สนามปืน บอกเพื่อนว่ามีคนมารับ เพื่อนมองไม่เห็นใครเห็นเขายืนพูดอยู่คนเดียว แล้วก็ออกเดิน3สาวนั้นไปราว3-4ช.ม ไปถึงริมลำห้วยก็ปลงเป้สพายกับปืนวางไว้ถอดลองเท้าไว้กับเป้สนามปืน แล้วเดินไปแล้วหายไปเลย เพื่อนเลยออกตามหา ก็พบแต่เป้สนาม รองเท้าปืน แต่ไม่พบเจ้าหน้านายนั้นจนถึงทุกวันนี้ อ.เลยบอกว่าไม่บอกอ.แต่แรกให้มาพักปักกลดอยู่ ทางเข้ามิติประตูเมือง เกือบเข้าไปกับเข้าแล้ว ถ้าเข้าไปไม่รู้จะได้กลับมาไหม พอทราบอย่างนั้น กลางคืนนั่งสมาธิ ถามสามสาวว่าเห็นเจ้าหน้าป่าไม้นายนั้นไหม เขาบอกว่าไปแต่งงานมีครอบครัวในเมืองของเขาแล้ว ไม่ได้ออกมาแล้ว เลยขอเขาตามไปคุยกับเขาหน่อยเขาก็อนุญาต เขาฝากความให้มาบอกเพื่อนฝากไปบอกญาติทางบ้าน ไม่ต้องห่วงเขาๆเขาสุสบายดี นี่ก็เป็นมิติที่ทับซ้อนอยู่กับโลกมนุษย์เรา ต่อเราก็ย้ายที่ปักกลดเข้าไปในป่าลึกเข้าอีกราว4-5ก.ม ได้ที่ปักกลดเหมาะสัปปายะมากเร่งคาวมเพียรภาวนาเต็มที่ว่างก็เดินสำรวจเส้นทางที่จะหาที่เหมาะพักปักกลดย้ายที่ต่อไปพอดีไปเจอโป่งที่สัตว์ลงกินเลยบอกเจ้าที่อัตตมาขอดินโป่งจะนำไปสร้างพระ ก้อนเล็กเท่าผลส้มมา1ก้อนปรากฏว่าเจ้าโป่งหวงดินโป่งทำให้ อ เดินหลงป่าหาทางกลับกลดไม่ได้ หันหน้าเดินไปทิศไหนก็กลับมาต้นไม้ต้นเดิมจนเย็นเลยนั่งพัก ตั้งสติ เดินบุกป่าออกมาทะลุที่ปักกลดราว21น.ทั้งที่ๆไม่ไกลจากที่ปักกลดแต่กลับมาไม่ถูก ต้องนั่งเทศน์ให้ผีเจ้าโป่งฟังอยู่นานจึงกลับมาถูกที่ปลักกลด อีก2วันต่อมาเลยออกเดินไปทางทิศใต้ของน้ำตกเหวสุวัต ไปพักปักกลดภาวนาอยู่ที่นั่นใต้ต้นไม้ใหญ่บนก้อนหินเป็นลานหินน่านั่งภาวนา

คืนนั้นแหละนั่งภาวนาราว5-6ทุ่มมีอสงสว่างสีเหลือง วาบลงมาลืมตาขึ้นเป็นพระภิกษุรูปหนึ่ง ร่างสูงมือใหญ่เท้าใหญ่ ผิวสีนำ้ผึ้งในตาสดใส่ราวตากวาง ใบหน้าอิ่มเอิบผมขาวเราก็ก้มลงกราบถามท่านท่านเรื่องภาวนาท่านแนะนำให้เข้าใจทะลุปรุโปร่ง เลยถามท่านว่าเห็นพระอีกรูปเดินออกมาท่านบอกว่าท่านอยู่ในป่านี้มา800ปีแล้ว ชื่อหลวงตาแดง อยู่ภาวนาในถำ้อีกมิติ ส่วนพระรูปแรกท่านบอกว่านามสมมติ แล้วแต่จะเรียก ท่านมาสอนพระกรรมฐานให้ 7 วัน กับสอนวิชชา ทำพระสร้างพระอธิฐานพระ ท่านบอกว่าเดี๋ยวถึงเวลาให้ไปพบท่านที่เขาพนมฉัตร มารู้ตอนหลังว่าท่านคือพระอุตตระเถระ หรือหลวงปู่เทพโลกอุดร ตอนพบองค์ท่านก็ปกติเหมือนคนทั่วไป แต่ที่พิเศษคือท่านจะปรากฏได้ หายไปต่อหน้าได้ ธรรมทีีท่านสอนให้ฝึกเข้าสมาธิใช้ชำนาญเป็นวสีถึงจะมีจิตที่เป็นอภิญญาได้ หรือเจริญสติปักฐาน4ได้ดีจิตต้องตั้งมั่น และเพียรทั้งกลางวันกลางคืนไม่ลดละ หน้าที่กำจัดกิเลส จะต้องเอาใจใส่ไม่ทอดธุระเสีย ทำให้ถึง จะถึงธรรม ท่านจะจากไปยังเสียดายไม่อยากให้องค์ท่านจากเราไปแต่ท่านว่าต้องไปโปรดพระญาติโยม ที่อื่นต่อเราก็กราบแทบเท้าท่าน ท่านบอกว่าอยากพบท่านก็ส่งกระแสจิตถึงท่านท่านรับรู้และมีเหตุจำเป็นท่านจะมาหาเราเองท่านบอก
เราก็มีกำลังใจในการภาวนามากเร่งทำความเพียร วิชชาที่ท่านถ่ายทอดให้ก็ทบทวนฝึกฝนจนแคล่วคล่องเผื่อในภายภาคหน้าจะได้นำมาช่วยสงเคราะห์ โปรดสัตว์ต่อไป ยังมีเรื่องเล่าการธุดงค์ เขาใหญ่เขาโซ่อีกรอตอนต่อไป