หลังจากกลับจากธุดงค์ ที่ชัยภูมิ ก็กลับไปวัดนาหลวง เขาอบรมหลักสูตร สมถะ วิปัสสนา หลวงปู่ทองใบท่านสอนเอง อบรมอยู่15วันจบ ก็เข้าพรรษา


ปีนั้นพ.ศ2540 พระที่วัดนาหลวง จำพรรษา 80 กว่ารูป แต่ละรูปเป็นพระมหาเถระผู้ใหญ่ ท่านเข้าห้องเก็บองค์อยู่ 5-10ปีในห้อง บางรูปไม่ฉันภัตตาหาร 3-6เดือน บางรูปปิดวาจาไม่นอน ทั้งกลางวัน กลางคืนมาหลายปี พระที่ไปอยู่ใหม่หลวงปู่ก็ให้โอกาส ให้เข้าอยู่ภาวนา อจ.เองก็อธิษฐาน ไม่ฉันข้าว 3 เดือน ปิดวาจา ไม่นอน ทำได้ 2 เดือน ที่ไม่นอน ทั้งกลางวัน กลางคืน ไม่ฉัน ทำได้แค่ 3เดือน ฉันแค่นำ้ปานะ พอให้ร่างกายอยู่ได้ แต่ใกล้ๆ 3 เดือนจะหมดแรง เวลาเดินต้องมือค้ำฝากุฏิ เดินกลับไปกลับมา แทบคลานไปเข้าห้องน้ำหมดแรง แต่การภาวนาก็ดีมาก ผ่องใส สมาธิสม่ำเสมอ ออกรู้นอกบ้างก็ดึงสติกลับมา รู้กายรู้จิต ในพรรษานี้เราก็ทำได้ดังอธิษฐาน คือ ไม่ฉันข้าว 3เดือน ปิดวาจา3เดือน
ไม่นอนนี่ 2ปีครึ่ง หลังออกพรรษาพระที่เข้าบำเพ็ญออกมาฉันข้าว อบรมแสดงธรรม ก่อนออกไปเผยแผ่พระธรรมเทศนา ตามบ้าน วัด ร.ร รวมห้าจังหวัด ได้ไปเห็นทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ มีคนมาฟังธรรมมากบ้างน้อยบ้าง การได้อยู่กับพระเกืิอบร้อยรูปนี่นะ ต้องระวังวาจา จิตไม่มีอะไรก็จะไม่คุยกัน ผ่านการเผยแผ่ ท่านก็อนุญาตให้ไปปลีกวิเวก ก่อนจะกลับมาเข้าพรรษา เข้าพรรษาปี 2541 ก็สมาทานเหมือนเดิม ไม่ฉันข้าว 3เดือน ไม่นอนตลอดพรรษา ไม่พูดตลอดพรรษา ในพรรษานี้แหละ
มีวันหนึ่งนั่งภาวนาอยู่ ราว 6 ทุ่มตีหนึ่งเป็นแสงสว่างวาบลงมาทั่วบริเวณ ลืมตาขึ้นมาเห็นผู้หญิงสาว 3 คนมาเต้นรำยั่ว นุ่งน้อยห่มน้อย ก็เลยถามท่านเป็นใคร เขาบอกว่าก็ลูกสาวพญามารไง นางตัณหา นางราคา นางอารตี อ.ก็ถามมาอะไรเขาบอกว่ามาทำหน้าที่ลองใจพระ ว่าจะมีจิตสมาธิไหมเมื่อเห็นเราทั้ง3นาง ส่วนมากก็ละเมอเพ้อพกเกิดกามราคะ กำหนัดขึ้นมาทนไม่ได้ ช่วงนั้น อ. กำหนดอสุภะกรรมฐานอยู่ เห็นร่างกายตนเป็นซากศพซากผี เน่าเปลื่อยๆมีหมู่หนอนชอนไช เห็นทั้งหลับตาลืมตา นางทั้ง 3 ก็โกรธ ก็เปลื้องผ้าออกหมดเต้นรำยั่วสารพัด เราก็เห็นแต่ซากผีอยู่อย่างนั้น ทั้ง 3 นางก็ล้มลงชักดิ้นชักงออยู่สักพัก แล้วลุกขึ้นมาก้มกราบ ขอขมากรรม ที่ล่วงเกินพระคุณเจ้า แค่มาทดสอบว่าพระคูณเจ้า จะสอบผ่านด่านตัณหาไหม แล้วเขาก็หายไป เราก็มานั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จิตเราสำเร็จหรือว่ากดข่มกามไว้หนอ ก็ได้คำตอบว่าก็มีอสุภะกรรมฐาน ก็สามารถ ระงับดับกามได้ในจิตบอกอย่างงั้นจิตผ่องใสสว่างเจิดจ้า อิ่มเอิบ รู้สึกซาบซ่านปีติในธรรมปรากฏแก่จิต นั่งภาวนาตลอดรุ่ง เดินจงกรม ตลอดวัน น่าจะ 7 วัน 7 คืนถ้านั่งก็เช้าเลยถ้าเดินทั้งวันเลยจิตนี่ดีมากเท้านี่เหมือนปั่นจักรยาน หมุนๆลอยไปลอยมาในทางจงกรม เหมือนเหาะมีเมฆมาลองที่เท้าเวลาเดินด้วยไม่เหนื่อยไม่ล้า 7 วัน 7 คืน

นี่ก็ได้ประสบการณ์มาก พอเข้าไปกราบรายงานองค์หลวงปู่ทองใบ ท่านพูดขึ้นมาก่อนเลย ทั้งที่เราจะไม่ได้เล่าอะไรให้ท่านฟังเลย ทำจริงก็เห็นจริง ได้ของจริง ใช่ไหมล่ะ ท่านว่าอย่างและเแนะให้เร่งพิจารณากายให้แตกพังลงให้หมดกราบลากับกุฏิ ก็ยิ่งมีกำลังใจเร่งเพียร ไม่มีหลับมีนอน เลยทีเดียวจึงเกิดอาการกายแตกระเปิดเป็นเสี่ยงๆ เป็นจุล วิจุล สลายหายวับ พอกำหนดน้อมก็หายวับ แล้วรวมกายใหม่ขึ้นมาพิจารณาก็แตกอีกอยู่อย่างนั้น รอบๆกุฏิสว่างไสว หลวงปู่ท่านส่งจิตมาสอนบอกว่าเอาให้ให้หมดเลย ทั้งกายทั้งจิต ท่านบอกในจิต
พรรษานั้นเลยเห็นปู่ท่านไปกุฏินั่นทีกุฏินี่ที ไปตรวจดูพระว่าภาวนาไหม ถ้าภาวนาท่านก็จะสอนต่อ แต่ถ้าไม่ภาวนาท่านก็ดุเอาเอ็ดเอาเสียๆหายๆดังลั่นทั่วหุบเขา พรรษานี้พระที่ร่วมจำพรรษาเยอะมาก109รูป พอออกพรรษา ก็อบรมเผยแผ่ธรรมอีก5จังหวัด ทรหดอดทนมากเพราะภาวนาดี ไม่เจอกระทบ ไม่เหมือนในกุฏิ แต่ที่ทำได้แล้วนั้นก็ช่วยได้มาก เห็นอะไรก็เฉยๆ เดินผ่านมาผ่านไปเป็นซากศพ เดินไปเดินมาเท่านั้น มีหลักใจมีเครื่องอยู่ เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยละ จะรู้ว่าเราโตทางธรรมก็ต้องออกมาจากห้องไปท่องยุทธจักร หล้งเผยแผ่เสร็จก็ไปวิเวกที่ถ้ำน้ำหนาว ที่ถ้ำนี้มีเรื่องเล่าขานตำนานถ้ำพระอริยะ ถ้ำพญานาคใครอยากเห็นพญานาคตัวเป็นๆให้ไปถำ้นี้