วันที่26-8พ.ย-ธ.ค. นั่งเครื่องที่สกลนครมาถึงดอนเมือง 16.น
ต่อรถมีคณะโยมเบญจมาส แสงทรัพย์ นำรถมารับส่งต่อไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ นักพักห้องรับรองพระภิกษุสงฆ์ พอได้เวลาเชคอินโหลดกระเป๋า รอคณะมาครบก็ทยอยเข้าเชคอินกว่าจะผ่านด่านเพราะคนเยอะมาก ไม่เข้าใจกับคณะโยมนั่งรอเป็นช.ม เลยเดินเข้าไปรอห้องผู้โดยสารทุกคนพร้อมอยู่ข้างในหมดแล้ว รอจนถึงเวลาก็ดีเลย์40.น ราว24กว่าๆขึ้นเครื่องกันสายการบินไทย ใช้เวลาบิน3.30.น.
เครื่องบินลำใหญ่ลงที่โกลกันต้าถึงราว2.30.น ผ่านด่านต.ม รับกระเป๋ารอขึ้นรถทัวร์มารับราวตี3.50ออกเดินทางจากสนามบินมุ่งสู่พุทธคยาแวะฉันข้าววัดไทยพิมพิสารราชราว9.โมงกว่า10.ทำบุญถวายผ้าป่าวัดแรกออกเดินทางต่อนั่งรถทางก็ดีขึ้นกว่าเมื่อ10-20ปีก่อนมากแต่ก็มีทำทางสลับบ้างจนถึงพุทธคยา ราวบ่าย3กว่าๆเอาของเข้าเก็บที่วัดไทยมคธ แล้วเข้ากราบหลวงพ่อพุทธเมตตาคยาประธาน ถวายผ้าห่มจีวรหลวงพ่อพุทธคยาเมตตาประธาน เราได้ผ้าจีวรที่ห่มพระพุทธเมตตาด้วย แล้วออกมาสวดมนต์นั่งสมาธิที่ลานต้นพระศรีมหาโพธิ์ ราว1ช.มแล้วเวียนเทียนถวายผ้าห่มต้นพระศรีมหาโพธิ์แล้วภาวนาตามอัตยาสัยสักพักกลับที่พัก
สรงน้ำฉันนำ้ปานะเรามีอาการไข้หวัดมาจากประเทศไทยอยู่แล้วมาถึงอินเดียยิ่งไอเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นั่งไปนำ้มูกไหลไปไอไปจามไปก็ทนภาวนาไปกับหมู่คณะ พักกลางคืนก็ไอไม่ค่อยได้นอนพักเต็มที่ไอแทบทั้งคืน เช้าวันใหม่27พ.ย6.น.ฉันข้าวต้ม ผัดผักไข่เจียวแกงส้ม ต้มจับฉ่าย พอให้ร่างกายอยู่ได้ หลังฉันคณะออกเดินทางไปชมพระใหญ่ญี่ปุ่น แล้วไปบ้านนางสุชาดาริมฝั่งแม่น้ำเนรัชรา แล้วขึ้นเขาดงคสิริ ส่วนอ.นอนพักฟื้นร่างกายอยู่ที่วัด
ดีขึ้นช่วงบ่ายไปกราบหลวงพ่อเมตตาถวายผ้าไตรจีวร 1ไตร แล้วออกมานั่งสมาธิใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ สงบดีมากนั่งเป็นช.ม แต่มีไอมีนำ้มูกสลับ เสร็จตามคำอธิฐานแล้ว กราบขอเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์สว่างวาบสีเหลืองทองสว่างนั่งประทับที่พุทธอาสน์ เราเลยกราบทูลแล้วขอโอกาสทูลถาม พระพุทธองค์ตรัสตอบว่าก่อนที่พระองค์จะตรัสรู้ เวลาผจญมารพระองค์ก็เรียกพระแม่ธรณีมาผจญมารจนสำเร็จสัมมาสัมโพธิญาน พระพุทธองค์ตรัสว่าบุตรของเราก็ให้ทำอย่างนั้นเมื่อมีอุปสรรคปัญหาเข้ามาให้เรียกหาพระแม่ธรณีมาเป็นสักขีพยานบุญบารมีที่สั่งสมมา ก็จะผ่านพ้นไปได้ ให้จำไว้ทุกครั้ง พระพุทธองค์ยังตรัสต่อว่าการมาครั้งนี้ของเรามาชดใช้วิบากกรรม แต่จบทริปนี้กลับไปหายอาพาธแล้วมีแต่ ความพิเศษ มหัศจรรย์ จะเกิดขึ้นหลายอย่างปีหน้านี้กับบุตรของเรา ช่วงนี้ก็ชดใช้กรรมวิบากไป อดเอาทนเอา ปฏิบัติกับเวทนานี่แหละ ผู้ใดเห็นทุกข์ ผู้นั้นก็เห็นธรรม ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั่นเห็นเราตถาคต รับโดยสดุดีไม่ต้องปฏิเสธ ยาก็ไม่ต้องฉันรับเวทนาไปเลย ไม่เป็นไรมากหรอก กรรมสมัยเป็นกษัตริย์นักรบ วางพิษเขาจนเขากระอักโลหิต ตายเป็นอันมาก แค่ไอจามมีนำ้มูกหรือไอ มีเสมหะมีเลือดไหลออกมา นำ้มูกมีเลือดไหลออกมาก็ไม่ต้องตกใจกลัว ชดใช้เขาไปเลย พุทธองค์ตรัสอย่างนั้นเราก็สบายใจ ยอมที่จะชดใช้วิบากกรรม โดยไม่ฉันยา เพราะฉันแล้วมันกัดกระเพาะเลยฉันยาไม่ได้ ดูสิวิบากกรรมนี่มันไม่ลดราวาศอกเลย แต่เรากับอิ่มปีติมากได้เข้าเฝ้าพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เมื่อพระพุทธองค์ตอบปัญหาเสร็จเราเข้ากราบแทบพระบาทของพระบรมศาสดา แล้วทำประทักษิณ3รอบแล้วกราบลาพระศาสดา หมอบคลานออกมาพอควรแล้วลุกขึ้นนั่งยืนเดินออกจากลานต้นพระศรีมหาโพธิ์ อิ่มเอิบปีติมากๆขนลุกขนพอง ตัวเบาตัวลอย เดินยิ้มอยู่ข้างใน แล้วหารถสามล้อกลับไปสรงน้ำพักผ่อนรอคณะที่ขึ้นไปขึ้นเขาดงคสิริ คณะกลับมาเกือบ19.น เราสรงน้ำพักรอแต่ก็ยังไอหนักอยู่ นอนไม่ได้
คืนหนึ่งได้นอนแค่สัก2/3ช.มรวมกัน แต่ยังดียังฉันอาหารได้ตามปกติ ช่วง20.นถวายผ้าป่าวัดที่2ได้แสนกว่ารูปี เป็นเงินไทยราว6-7หมื่นบาทเลยหละ อนุโมทนาบุญด้วยกับพระและคณะญาติโยม ที่ร่วมกันทำป่าในครั้งนี้ เช้าฉันข้าวต้มวิญญานหมู วิญญาณปลา แล้วเดินทางต่อไปราชคฤห์ อาการเราก็ยังไอหนักเหมือนเดิม ก็นั่งไอนั่งจามไปนั่นแหละ โปรดติดตามตอนต่อไป ที่เมืองราชคฤห์