กลางป่าดงดิบยามค่ำคืนแห่งรัตติกาล ย่อมมีสิ่งลี้ลับอยู่ในป่า ก็ได้พบกับตะขาบตัวเท่าขบวนรถไฟ เสียงขาเสียดสีกันปานภูเขาจะถล่ม อีกวันเดินต่อไปไม่รู้ทะลุไปยังไง เห็นพญาครุฑ 3ตนบินวนเหนือยอดเขาไปมาแล้วโฉมลงมาใกล้ๆ แล้วจากไปตัวเท่าเครื่องบินF16 โน่นแหละ
ในที่สุดก็เดินไต่หน้าผาไปยังตรงที่ที่หลวงปู่เพทโลกอุดรบอกไว้แต่ก็ผ่านป่าช้างดงเสือก่อนก่อนจะถึงตรงที่ว่า ดีเรากับช้างคงไม่มีบุพกรรมร่วมกัน เลยปลอดภัย เย็นพอปักกลดเสร็จฝนก็ตกกน้ก เป็น2-3ช.มเราก็รองนำ้มาเช็ดเนื้อตัวพอให้รู้สึกสบายบ้างแล้วเข้าที่ภาวนานั่งไปจิตสงบสว่างดีมากจนได้เห็นพระเจ้ากับพระอริยะสงฆ์สาวกตั้งแต่พระมหาอัญญาโกณทัญญะลงมาจนถึงองค์สงฆ์ในยุคปัจจุบัน เราก้มลงกราบแทบพระบาทขององค์พระศาสดาแล้วเข้านั่งยังอาสนะของตนจะมีรายชื่อฉายาเลยของแต่ละองค์ พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมใน ทางสายเอกคือมรรคมีองค์แปดและอริยสัจ อย่างแจ่มแจ้งสว่างกระจ่างใจแลย ผ่านไปราว2ช.มฟังจบก็ปลาบปลี้มปีติ
ในธรรมมากๆ แล้วเข้าไปกราบหลวงปู่เทพโลกอุดร กราบขอโอกาสถามพระคาถา สำเร็จ คาถาบรรลุ ท่านบอกบทแรกคือพระธัมจักร ให้สำเรคพระโสดาจนถึงอนาคามี สูตรที่2อนัตลักขณะสูตร สูตรให้สำเสร็จพระอรหันต์ ให้ทำให้แจ้ง ทำไว้ในใจให้แยบคลายมนสิการเสมอๆใจะก็ทะลุปรุโปร่งสง่างกระจ่างแจ้งในใจตน ไม่มีประมารได้ยินพระพุทธเจ้า และพระอริยะสงฆ์สาวก สาธุการกึกก้องในสามแดนโลกธาตุ แผ่นดินสะท้านไหวไปมาฟ้าสะท้านดินสะเทือน ตอกย้ำในสิ่งที่ได้เข้าใจแล้วกับสิ่งที่เกิดขี้นหมาดๆชุมฉ่ำหัว
ใจปีติปราโมทย์มาก นั่งชมหบทวนอนโลม ประติโลมอยู่อย่างนั้นจนเช้า พระพุทธเจ้ากับพระอริยะสงฆ์สาวกก็ยังแวดล้อมอยู่อย่างนั้นแหละ เช้ามาตัวเบาจิตเบาเหมือนทิ้งของที่หนักที่เป็นภาระทิ้งลงไปหมดยังไงยังงั้น ฉันภัตตาหารก็มีรถจืดธรรมดาๆไปหมด ไม่เปรี้ยว ไม่เค็ม รถซือๆจืดไม่มีรถชาติอะไรเลย เวลาเดินแบกของบนบ่าก็ไม่มีนำ้หนักอะไร เหมือตัวเบาตัวลอยลอยได้ยังไงยังงั้น
เดี๋ยวค่อยเล่าต่อ
เช้าหลังฉันเดินสำรวจเส้นทางไกลออกไปทางทิศใต้ลัดเลาะชายเขา สัก2ช.ม แล้วกลับมาพักที่ปักกลดเข้าที่ภาวนา ปกติราบเรียบดี พระมหาเถระอานนท์มาสอนธรรมอีกคืนนี้ยังตอกย้ำความเข้าใจในธรรมมากยิ่งขึ้น วันใหม่หลังฉันย้ายที่ปัดลดไปยอดเขามี่เรียกว่าเขาแก้ว เขารัตนะ ตรงนี้จะมีทรายสีขาวสะอาด เคยมีพระมาบรรลุธรรมที่นี่หลายรูปถ้าพระรูปใดจะบรรลุธรรมภูมิที่จะถวายเพชรเม็ดงามเจิดจรัส ก็รู้ได้เลยว่าพระรูปนั่นจะบรรลุธรรมเป็นแน่แท้ ตรงนี้เองพระอีกรูปขอปลีกองค์ไปปักกลดไว้ไดกลจากที่อ.ปักกลดราวเกือบ2ก.ม สัก16-17.น มีเสียงโขลงช้างผ่านมาทางช่องเขาหน้าผาเป็นด่านช้าง มีช้างเกเรเดินปรี่เข้ามาหาพระรูปนั่นแล้วคล้ายพลายทีีนั่งบนหลังช้างสกดพระรูปนั้นเดินตามช้างเชือกนั้นไป อ.ก็กำหนดจิตแผ่เมตตา ช้างหยุดพระหยุด พอหมดกำลังช้างก็เดินล่อพระเข้าไปในวงล้อมของโขลงช้าง พอเราแผ่เมตตา พระหยุดเดิน แล้วกลับมาที่กลด สักพักช้างเชือกนั้นก็ตามาที่กลด หมายจะทำร้ายพระรูปนั้น อ ก็แผ่เมตตาอีกช้างกำลังจะยกเท่าเหยีบลงมาช้างเชือกนั้นหันกลับ แล้ววิ่งลั่นป่า โมโห ฟาดงวง ฟาดงาหักต้นไม้ทางลงช่องเขาหักระเนระนาด เช้าเราก็บอกพระปักกลดอยู่ไม่ไกลจากเราว่าเมื่อคืนช้างจะเล่นงานนพนะรูปนั้น พระก็ไม่เชื่อ พอพระรูปนั่นมาถามดูพระรูปนั้นเล่าให้เหมือน อ พูดทุกอย่างเลย ฉันเสร็จเลยพาพระไปเดินพิสูจน์ ผลปรากฏว่า ที่หน้าผาซอกเขาต้นไม้หักราบช้างหักทำลายต้นไม้ราบเลยช้างโกธรที่ไม่สามารถทำร้ายพระรูปนั่นได้ พระที่ไปด้วยถึงเชื่อ เรากลับมาที่กลดก็ย้ายกลดไปปักกลดข้างลำห้วยหาดทรายขาวสะอาด ทำทางจงกรม นั่งสมาธิภาวนา เช้าวันใหม่ออกเดินสำรวจป่าเออแปลกมามีเมฆหมอกปกคลุมทั่วบริเวณ ก้าวไปต้นดอกไม้ป่ากล้วยไม้จะบานรับกันไปก้าวไปๆต้นต่อไปก็บานรับกันไปอย่างนั้น และมีนางเทพธิดา เทพบุตร ลอยในเมฆหมอกนั้นอยู่ในอิริยาบถต่างกันไป เดินไปหยุดอยู่ที่หน้าผามองไปไกลสุดสายตาปล่อยใจเบาๆชมสภาวะธรรม แล้วเดินกลับก็เหมือนจะกลับไม่ถูกเพราะมันไม่เหมือนโลกมนุษย์ ที่เรายืนอยู่มันเป็นสวรรค์ชั้นไหนกันแน่ สักพักมีคน2คนหญิงายเข้ามากราบ นิมนต์ให้ไปฉันภัตตาหารที่บ้านเมืองของเขา เดินตามเขาไปก็เหมือนบ้านในชนบทแต่สะอาดสะอ้าน มีดอกไม้ส่งกลิ่นหอม มีผู้คน มีเด็กวิ่งเล่นตานทาง มีคนนั่งเล่นคุยกันตามชานบ้าน จนไปถึงศาลาเขาเตรียมข้าวอาหาร ถวายให้ศีล ให้พร เขาอาราธนาของฟังธรรมเลยแสดงธรรม ให้เขาฟังอนุปบุพพิกถา ทาน ศีล สวรรค์ อาทีนะวะ เนกขัมมะ เขาปลาบปลื้มในธรรมมาก พากันถวายกัณฑ์เทศน์ ไทยธรรม มีเพชรด้วย แต่ อ บอกว่าพระคุณเจ้าไม่รู้จะเอาไปทำอะไร จึงคืนให้เขาไป ฉันเสร็จสนทนาเล๋กน้อยแล้วเขาให้คนมาส่ง ก็ถึงที่ปักกลดเลย เอ เมื่อเช้านี้เราเข้าไปไหนมากันแน่ นี่มันกลางดงดิบ แล้วจะมีบ้านคนได้ยังไง สรุปคือเมืองลับแล ชาวบังบด มิน่าทุกคนถึงได้สวยงดงามเหมือนเทพธิดา เทพบุตร เลยทีเดียว อาหารที่ฉันนั้นมีพลังไม่หิวไม่เหนื่อย อยู่ได้ถึง7วัน เดินจงกรมนั่งสมาธิได้สบายตัวเบาจิตเบา เดินไปไหนมาไหนตัวเบาตัวลอยคล้ายเท้าเราไม่ติดพื้นยังไงยังงั้น ถึงเวลาควรก็เก็บกลดเดินทางลงมาจากเขาแก้วก่อนกลับเขานิมนต์เข้าไปพาเขานั่งสมาธิภาวนา แสดงธรรมอีกครั้ง จึงบอกลาเขากลับลงจากยอดเขา เสียดายไม่อยากกลับลงมาเลย เพราะมันมีอาการทางจิตที่ผ่องใสสดชื่น มองอะไรพิจารณาอะไรเป้นอรรถ เป็นธรรมไปหมด พระธรรมไหลออกมาเหมือนตานำ้ผุดเป็นสายพิจารณาไปแง่ไหนก็เข้าใจในทุกแง่มุม สว่างกระจ่างเลยทีเดียว จึงไม่อยากจากสถานที่นี้มาเลย เป็นสถานทีที่สัปปายะเหมาะแก่การเจริญพระกรรมฐานภาวนาจริงๆเขาแก้วเขารัตนะ เขาแหลม บ.บุพรามณ์ อ.นาดี ปราจีนบุรี เดินจากเขาให้เวลา3วันถึงลงมาถึงสบานที่ปฏิบัติธรรม ได้พักปรับกำลัง สนทนาธรรมกับพ่อขาวที่นั่น ตอบปัญหาธรรม ได้ทุกคำถามตอบได้หมดจนพ่อขาว ศัทธามากๆ กราบแทบเท้าเลย พัก2-3วันก็เดินกลับวัดพระธาตุภูเพ็ก